ไม่เคยนึกว่าจะได้มาประเทศนี้ “ตุรกี” เพราะคิดว่ามีแต่ประวัติศาสตร์อารยธรรม และก็บอลลูน ซึ่งเดี๋ยวนี้มันมีให้ขึ้นเยอะแยะ แต่ถ้าคิดไปเที่ยวตุรกีจะเริ่มต้นแบบไหนดีล่ะ นั่งมองแผนที่ แต่ละที่มันก็อยู่ไกลกันทั้งนั้นเลย เอาวะ..มีเวลาว่าง 9 วัน ทริปนี้เดินทางข้ามปี ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2017 ถึงต้นเดือน ม.ค. 2018 ช่วงเวลาที่หลายๆ คนคงออกไปเที่ยวเคาท์ดาวน์กัน แต่เรามานั่งรถเล่น เดินทางแบบไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น
ตุรกี คงเป็นประเทศที่หลายๆคนรู้จัก และเป็นหนึ่งใน Destination ของการท่องเที่ยวที่มีความเป็นทั้งเอเชียและยุโรป เพราะดินแดนแห่งนี้ครอบคลุมถึง 2 ทวีป มีสถานที่ประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ ความหลากหลายของอารยธรรมและธรรมชาติที่แปลกตา
การเดินทางทริปนี้ อาจจะถึกและทนหน่อย เพราะแทบจะได้ไม่ได้นอนโรงแรม ส่วนมากใช้เวลาเดินทางอยู่บนรถกันแบบข้ามวันข้ามคืน
วันที่ 1 : BKK - Bahrain - Istanbul
วันที่ 2 : Istanbul
วันที่ 3 : Istanbul - Çanakkale
วันที่ 4 : Çanakkale - İzmir
วันที่ 5 : İzmir - Denizli - Pamukkale
วันที่ 6 : Denizli - Göreme
วันที่ 7 : Göreme (Cappadocia)
วันที่ 8 : Göreme - Ankara - Istanbul
วันที่ 9 : Istanbul - Bahrain - BKK
ทำไมไม่นั่งเครื่องบินตรงไปตุรกี? เพราะช่วงที่ไปเป็นช่วงปีใหม่ สู้ราคาไม่ไหว เลยได้ Gulf Air เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แวะเปลี่ยนเครื่องที่บาห์เรน ถึงสนามบิน Istanbul Ataturk ประมาณตี 1:25 แล้วเข้าโรงแรมนอนเลย
ตื่นเช้ามาพร้อมด้วยสายฝนโปรายปราย ต้อนรับกันแบบชุ่มฉ่ำ มองออกไปจากระเบียงโรงแรมก็เห็น Sultanahmet Camii มัสยิดสีน้ำเงินอยู่ใกล้ๆ แล้ว
เดินจากโรงแรมไปไม่กี่ก้าวก็ถึง Sultan Ahmet Square (Hippodrome of Constantinople) ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของนครอิสตันบูล อดีตศูนย์กลางทางการเมือง ศาสนา กีฬา และสังคม ของกรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์ และมี Sultanahmet Camii ที่เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในอิสตันบูล ที่โดดเด่นด้วยหอมินาเร็ต หรือหอสวดมนต์ 6 หอ
ตรงข้ามกันหันไปก็จะเจอ Ayasofya (The Church of the Divine Wisdom) หรือที่รู้จักกันในนาม "มหาวิหาร Hagia Sophia" 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ในอดีตเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า จนปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ และเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
น้องแมวตัวแรกที่เจอในอิสตันบูล
เดินอ้อมไปข้างหลังของวิหาร Hagia Sophia ตามถนน Topkapı Sarayı ก็จะถึง Topkapı Sarayı (พระราชวังโทพคาปี) หนึ่งในพระราชวังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่ประทับหลักของสุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมัน ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดงานรับรองของรัฐ และเก็บรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิม จนได้รับการสถาปนาให้เป็นมรดกโลก ภายในมีอาคารหลายหลัง สวนต้นไม้ร่มรื่น ลานระเบียงหินอ่อนที่มองดูวิวทะเลได้
การเดินทางในเมืองอิสตันบูล ส่วนใหญ่ใช้รถราง (Trem) เป็นหลัก
จาก Sultanahmet ไปลง Eminönü ก็จะถึงบริเวณท่าเรือ สะพาน Galata Köprüsü (Galata Bridge) ที่ข้ามอ่าว Golden Horn และมีสุเหร่า Rüstem Pasha ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา
ใต้สะพานเต็มไปด้วยร้านอาหาร ส่วนบนสะพานก็เต็มไปด้วยคนมาตกปลา และที่พลาดไม่ได้นั่นก็คือ เบอร์เกอร์ปลาที่ทำขายกันบนเรือกันมาหลายสิบปี (แต่รสชาติเฉยๆ จืดๆ คงเพราะด้วยอากาศหนาวทำให้มันค่อนข้างแข็งกระด้างๆ) แต่ถ้ามีโอกาสมาก็ต้องลองมาชิม
ถ้าเดินไปฝั่งตรงข้ามของถนน อาจจะได้กลิ่นแรงนิดนึง เพราะนั่นคือ Mısır Çarşısı หรือ Egyptian (Spice) Bazaar ตลาดเครื่องเทศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของตุรกี (แต่เดินได้ไม่นาน ทนกลิ่นไม่ไหว) ขอย้ายที่ดีกว่า จาก Gülhane ไปลง Kabataş แล้วเดินลงใต้ดินเพื่อไปขึ้นรถราง Kabataş-Taksim Füniküler (F1) ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นเขาไปถึง Taksim Square จัตุรัสเมืองใหม่ ศูนย์กลางความทันสมัยของอิสตันบูล แหล่งรวมสถานที่ช็อปปิ้ง ร้านอาหาร บรรยากาศที่คึกคัก และถ้าโชคดีก็อาจจะได้เห็นรถรางเก่าแก่วิ่งบนถนน Istiklal Caddesi ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมืองด้วย
จบภารกิจจาก Istanbul มุ่งหน้าสู่ Çanakkale อีกหนึ่งเมืองของตุรกีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยนั่งรถบัสจาก Büyük Otogar สถานีกลางของอิสตันบูล คล้ายๆ สถานีขนส่งบ้านเรา มีรถหลายบริษัทให้เลือก มาครั้งแรกก็จะตกใจนิดหน่อย ถ้ามีคนมาดักรอพูดอะไรไม่รู้เสียงดังเต็มไปหมด แต่นั่นเป็นการเรียกลูกค้าของเค้า และแล้วก็ได้รถของบริษัท Kâmil Koç akkale เที่ยวรอบดึก เดินทางข้ามคืนไปถึง Çanakkale ตอนเช้ามืด
การนั่งรถบัสที่ตุรกี ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่ากลัว ขับปลอดภัย บริการดี มี Onboard Entertainment ทุกที่นั่ง
รถจะจอดส่งที่ท่าเรือเฟอร์รี่ (จุดสังเกตุคือ หอนาฬิกาประจำเมือง) ตอนลงจากรถมาก็ไม่รู้หรอกว่าที่ไหนเพราะฟ้ายังมืด ได้แต่นั่งรอแล้วหาที่ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่ออฟฟิศขายตั๋วรถบัสของบริษัท Metro Turizm เพราะต้องกลับมาขึ้นรถที่นี่ พอเริ่มสว่างก็เดินไปหารถมินิบัสเพื่อไป อุทยานประวัติศาสตร์ Truva หรือเมืองทรอย รถจะจอดอยู่บริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำ Sarıçay ออกทุก 1 ชม. ตั้งแต่ 07.30 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.
ก่อนทางเข้าซื้อตั๋วและทักทายน้องๆ ที่ออกมาต้อนรับกันหน่อย มากันหลายตัวเลย (ไม่รู้ว่าจะมาเที่ยว หรือมาเล่นแมว)
เมื่อเข้าไปก็จะได้เจอกับม้าไม้จำลองแห่งทรอย หรือม้าโทรจัน สัญลักษณ์กลศึกของนักรบโบราณ แต่ถ้าอยากเห็นตัวที่อยู่ในหนังต้องไปดูที่ท่าเรือที่เราลงรถบัสตอนเช้านั่นแหล่ะ เมื่อเช้ามันมืดเลยมองไม่เห็น
นี่หรือเมืองทรอย? เคยดูแต่ในหนัง ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริงๆ Truva หรือ Troy (Troia) ที่นี่ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอย ที่หลายๆคนคงรู้จักในสงครามกรุงทรอย เมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ที่นี่เป็นที่ตั้งของจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ประกอบด้วย ช่องแคบดาร์ดาแนลล์ (Dardanelles) และคาบสมุทรกัลลิโปลี (Gallipoli)
ขากลับรอมินิบัสออกมาส่งที่ในเมือง แล้วเข้าไปเอาสัมภาระเพื่อไปรอขึ้นรถบัสตรงท่าเรือ (รถจะไม่ได้จอดรอเพราะเป็นทางผ่านแวะรับคน ดังนั้นต้องเผื่อเวลาให้ทัน จุดหมายต่อไปคือเมือง Denizli แต่จะขอแวะพักค้างที่เมือง İzmir 1 คืนก่อนเดินทางต่อ
วันรุ่งขึ้น ออกเดินทางแต่เช้ามารอรถรับส่งที่ Metro Turizm ไปสถานีรถบัส İzmir Büyük Otogar (Yeni Otogar) เพื่อไปยังเมือง Denizli รถจะจอดที่ขนส่ง Denizli Büyükşehir Otobüs Terminali สามารถฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่นี่ได้ แล้วค่อยออกไปเที่ยวที่ Pamukkale โดยขึ้นรถมินิบัสไปลงที่ทางเข้าเมืองโบราณ Hierapolis Frigya Hierapolisi (Hierapolis of Phrygia)
นครโบราณเฮียราโปลิส (Hierapolis) มีอายุเก่าแก่ประมาณ 2,200 ปี ถูกสร้างขึ้นก่อนคริสตกาล ในยุคของกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเพอร์กามอน โดยอยู่ใกล้กับแอ่งน้ำแร่ร้อน Pamukkale หรือปราสาทปุยฝ้าย หลังจากเมืองนี้ถูกยกให้พวกโรมัน ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงจนย่อยยับ ประมาณปลายศตวรรษที่ 2 เฮียราโพลิส ก็ค่อยๆ ถูกบูรณะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
ค่อยๆ เดินไปก็จะเจอ Pamukkale หรือ ปราสาทปุยฝ้าย เนินเขาหินปูนสีขาว มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำพาแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน จนกลายเป็นความสวยงามทางธรรมชาติ และยังถูกเลือกให้เป็นมรดกโลกร่วมกับนครโบราณเฮียราโปลิสอีกด้วย บริเวณบ่อน้ำพุร้อนสามารถลงไปเดินเล่นน้ำในเขตที่กำหนดไว้แต่จะต้องถอดรองเท้า
บอลลูนกำลังล่องลอยกลางหุบเขา ได้จังหวะพอดี
ขากลับให้เดินลงตามขั้นของเนินเขา ก็จะถึงทางออกเจอถนนข้างล่าง ห้ามเดินย้อนกลับขึ้นไป เพราะไม่งั้นต้องหารถกลับอย่างเดียวและจะเสียเวลามาก
จุดหมายต่อไปคือ เมือง Göreme ได้นั่งรถบัสข้ามคืนกันอีกแล้ว แต่ต้องไม่หลับเพลินประมาณ ตี 4 ก็เตรียมตัวลงได้แล้ว และเช็คสัมภาระดีๆ รถไม่ได้จอดปลายทางที่นี่ ถ้าลืมอะไรไว้ก็รออีกข้ามวันเลยกว่ารถจะกลับมา เพราะนี่เจอมากับตัว ด้วยความที่งัวเงียรีบลง พอจะเข้าโรงแรมนึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าใบเล็กไว้ตรงที่นั่ง วิ่งไปดูอีกทีรถก็จากเราไปแล้ว โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ตรงศูนย์นักท่องเที่ยวประสานงานเช็คให้ และเค้าบอกจะเก็บมาส่งคืนตอนที่รถคันเดิมกลับมาแวะที่นี่ เฮ้ออออ โล่งอก..
มาถึง Göreme ได้มีเวลานอนพักสักครึ่งวัน แล้วค่อยออกมาเดินเล่นรอบๆ เมือง
Göreme จุดหมายของนักท่องเที่ยวยอดนิยมของตุรกี ดินแดน Cappadocia ที่อยู่ในจังหวัด Nevsehir ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จุดเด่นของที่นี่คือภูมิประเทศมีลักษณะเป็นถ้ำที่เกิดจากการทับถมกันของลาวาภูเขาไฟเป็นพันๆ ปี ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขารูปทรงแปลกตา และบอลลูนที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่ก็คงเป็นที่พักที่อยู่ตามเนินเขาสไตล์ถ้ำเข้ากับสภาพแวดล้อมของธรรมชาติ
และกิจกรรมยอดฮิตที่นี่ก็คงเป็นการขึ้นบอลลูนชมเมือง แต่....ในขณะที่กำลังจะเข้านอนเพื่อรีบตื่นแต่เช้ามืด ได้รับข้อความจากไกด์ทัวร์บอลลูนว่า สภาพอากาศไม่ค่อยดี มีลมแรง บอลลูนขึ้นไม่ได้ เช้าวั้นก็เลยมีเวลาว่างออกไปสำรวจ เดินตลาด แวะดูเหล่าบรรดาเพื่อนสี่ขา
เดินไปทางไหนก็เจอน้องแมว นอนกลิ้งเล่นอาบแดดกันสบายใจเค้าแหล่ะ
เนินเขากว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างกับทะเลทราย ที่มีแต่ความแห้งแล้ง แต่ก็เป็นความดงามที่น่าอัศจรรย์ ดูๆไปก็คล้ายภูเขาสายรุ้ง เหมือนอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย จนได้ชื่อว่าดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า (Fairy Chimney)
ไปขับรถ ATV เล่นกัน แวะนั่งจิบชาผลไม้ ชมวิวชิลๆ บนยอดเขา
ดวงตาปีศาจ หรือ Evil Eyes ที่แขวนตามต้นไม้ สัญลักษณ์ เครื่องรางที่ป้องกันอำนาจมืดจากสิ่งชั่วร้าย เด็ดกลับบ้านไม่ได้นะ ไปหาซื้อเอาตามร้านขายของที่ระลึกเค้ามีขาย
เช้าอีกวันก็ไม่มีวี่่แววว่าจะได้ขึ้นบอลลูน เพราะสภาพอากาศก็ยังไม่เป็นใจ นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ที่มาก็อด จนต้องตัดใจเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว
จาก Gorëme ไปขึ้นรถบัสที่ Nevşehir Otogar เดินทางเข้าสู่เมืองหลวงของตุรกี นั่นก็คือ Ankara (อังการา) หลายคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่อิสตันบูลเหรอ? ไม่ใช่ แต่อังการาใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากอิสตันบูล ที่นี่จะค่อนข้างมีความทันสมัยมากกว่า ศูนย์กลางย่านการค้า
ถ้ามีเวลา ก็น่าไปเที่ยวในอังการาต่ออีกสักหน่อยนะ แต่เราต้องไปขึ้นเครื่องกลับไป อิสตันบูล เพื่อบินกลับไทย
ทริปนี้ เดินทางมายาวไกล ถึงไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ก็ได้เจอประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้เก็บไปทำการบ้านไว้มาเจอกันอีก
"tekrar görüşürüz"
Comments